“หมอนิธิ” ห่วงไฟเขียวให้ประชาชนใช้ชุดตรวจ Rapid test

"หมอนิธิ" ห่วงไฟเขียวให้ประชาชนใช้ชุดตรวจ Rapid test ชี้ยังไม่มีแผนใดๆที่เห็นเป็นรูปธรรม ปล่อยแบบนี้จลาจลแน่ เคอร์ฟิวก็เอาไม่อยู่

ศาสตราจารย์นายแพทย์นิธิ มหานนท์ ผอ.โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ และเลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ได้โพสต์ข้อความ ทัวร์เดิมเพิ่งซาไป ไม่รู้ว่าจะมีทัวร์มาอีกรอบไหม? เรื่องrapid test ชุดตรวจไว
ที่ผมแนะนำมาตลอดว่าควรมี แต่ขณะนี้ที่ได้รับอนุญาตให้ใช้ได้แล้วนั้น… ผมกังวลมากกว่า เพราะ สธ.​ยังไม่ได้กำหนดนโยบายที่ชัดเจนเป็นขั้นเป็นตอนไว้ว่าในรายที่จะตรวจพบผลเป็นบวก (หรือผลเป็นลบก็ตาม) จะทำอย่างไร ตอนนี้ถ้าไม่มีแนวปฏิบัติ คอขวดในการรอก็จะไปอยู่ที่การรอเตียงแอดมิต แทนที่รอตรวจที่โอพีดี หรืออาจจะทำให้คนตื่นไปตรวจมากขึ้นโดยไม่จำเป็น​ (เช่นไม่ได้สัมผัสใกล้ชิด หรือฉีดวัคซีนครบแต่สัมผัสวงที่สองหรือสาม หรือไม่มีอาการเลย​ แต่แค่อยากรู้) กลายเป็นไปแออัดกัน ไปรับเชื้อกัน วันที่ไปตรวจไม่มีเชื้อ วันสองวันต่อมากลายเป็นมี​ (เพราะตรวจเร็วไป หรือไปรับเชื้อโรคในวันที่ไปตรวจ)

แนวปฏิบัติที่ต้องมีคร่าวๆ​ คือ

1) ถ้าตรวจได้ผลบวกจาก rapid test ทำไงต่อ ได้ผลลบทำไงต่อ​ (ในภาวะรุนแรงการระบาดที่ต่างกันแนวทางก็ไม่เหมือนกัน ผู้กำหนดต้องเข้าใจเรื่อง Pretest likelihood)

2)การ ปชส. สอน ปชช.ให้เข้าใจว่า​ การดูแลสังเกตุอาการที่ต้องมาตรวจ​ คืออะไร? สัมผัสอย่างใดที่เรียกว่าใกล้ชิด​ และควรมาตรวจวันไหน ระหว่างยังไม่ถึงเวลาที่ควรมาตรวจ​ อยู่ที่บ้านควรจะทำอย่างไร)
ถ้าไม่มีการเตรียมพร้อมต้นทุนตรงนี้จะมหาศาล รบ.จะแบกไม่ไหว​ ไหนจะ ค่าตรวจ จำนวนเตียงที่ต้องเพิ่มขึ้น​ ทั้งเตียง hospitel รพ. สนาม จนถึงค่าอุปกรณ์เครื่องมือในไอซียู​ (ใครมีรายได้ตรงนี้กันบ้างไม่แน่ใจ) แต่คนทำงานหนัก​ คือแพทย์พยาบาลซึ่งมีเท่าเดิม

ตราบใดที่ไม่มีมาตรการ…
1)ลดคนเข้า รพ. ฝึกและสอนวิธีคัดกรอง​ คนที่ดูแลตัวที่บ้านได้ให้อยู่บ้าน และมีระบบติดตามให้พร้อม
2) ป้องกันคนไม่มีอาการ​ให้กลายเป็นคนมีอาการ​ (ซึ่งมีวิธีอยู่​ อย่าปฏิเสธว่าไม่มีข้อมูล)
3) ป้องกันคนมีอาการน้อยไม่ให้กลายเป็นมีอาการมาก
4)ลดคนมีอาการมากไม่ให้ต้องใส่ท่อช่วยหายใจ… อย่าแค่ตั้งรับ เราเพิ่มคนไม่ได้ อย่าบอกว่ารอวัคซีน เพราะวัคซีนกว่าจะเห็นผล​ ต้องรอหลายเดือน​

และที่สำคัญ ต้องประชาสัมพันธ์ต่อเนื่อง​ ให้ความรู้ความเข้าใจคนว่า…
1)เมื่อไหร่จำเป็นต้องมาตรวจ
2)ถ้าจะให้มาเมื่อมีอาการอาการอะไร​ หรือสัมผัสอย่างไรถึงควรมาตรวจ และควรมาวันไหน ระหว่างรอมาตรวจทำอย่างไร

ที่สำคัญอีกเรื่องคือการตรวจแบบไวนี้ถูกออกแบบมาให้เป็นการทำด้วยตัวเองครับ ดังนั้นคนทำการตรวจร้อยครั้งเรามีเทคนิเชี่ยนช่วยทำร้อยคน แต่ถ้ามาทำในโรงพยาบาลเรายังมีคนทำเท่าเดิมกลายเป็นคอขวดที่คนตรวจ การตรวจทำพร้อมๆกันไม่ได้เหมือนเครื่องRtPCRที่ทำพร้อมๆกัน เก้าสิบกว่าราย(หรือมากกว่า) ใช้คนสี่คน ตรวจรอบแรกใช้เวลาสี่ชั่วโมงแต่รอบต่อๆไปใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงเศษ ถ้าเป็นการตรวจแบบไว(rapid test) การตรวจหนึ่งรายใช้เวลา 15-20นาที(อ่านไม่ตรงเวลาผลอาจคลาดเคลื่อน) เทคนิเชี่ยนหนึ่งคนต้องนั่งจ้องดูผลอย่างมากได้ 10 รายกว่าๆ และทำได้เป็นแบบอนุกรม ถ้าคนอยากตรวจมาพร้อมกัน เป็นร้อยคนที่ มาท้ายๆต้องรออยู่ดี แต่ถ้าจะให้ทำเองที่บ้าน(ซึ่งมันถูกออกแบบมา) เตรียมพร้อมให้การศึกษาหรือยังว่าจะกำจัดขยะเหล่านี้อย่างไร

ผมว่าเรายังไม่มีแผนใดๆที่เห็นเป็นรูปธรรม ปล่อยแบบนี้จลาจลแน่ เคอร์ฟิวก็เอาไม่อยู่ ตอนนี้ต้องช่วยกันคิดช่วยกันแบบสร้างสรรค์ อย่าไปกดดันกัน อย่าใช้อารมณ์ตัดสิน ประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ให้การศึกษาให้ทั่วถึง และตัวเลขที่จะช่วยตัดสินใจมีอยู่แล้ว แค่อยู่ต่างที่ต่างกรม เอาตัวเลขมาโชว์ the whole truth เพื่อที่ทำอะไร​ หรือมีมาตรการอะไรไป​ จะได้ประเมินผลลัพธ์ได้ และระหว่างทางต้องมีตัวชี้วัดด้วยเผื่อต้องปรับแผนระหว่างทาง

 

2021 07 11 10 22 59

 

ที่มา Nithi Mahanonda