ผญบ.หนองไผ่ เผยเห็นใจเจ้าภาพกฐิน หลังถูกสังคมประณาม ส่อไม่โปร่งใส

ผญบ.หนองไผ่ เผยเห็นใจเจ้าภาพกฐิน หลังถูกสังคมประณาม ส่อไม่โปร่งใส

จากกรณีผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านหนองไผ่ ต.หลักเขต อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ท้วงติงคณะเจ้าภาพกฐิน ที่มาทอดวัดบ้านเมืองไผ่ เมื่อวันที่ 14 พ.ย.ที่ผ่านมา ว่าอาจจะไม่โปร่งใส เนื่องจากไม่มีการประกาศยอดเงินกฐินภายในวันนั้น ทั้งยังหอบเงินทั้งหมดกลับบ้าน แล้วย้อนเอาเงินมาคืนให้วัดเพียง 100,000 บาท สร้างความคาใจให้กับชาวบ้านในหมู่บ้านเป็นอย่างมาก กระทั่งเจ้าอาวาสวัดออกมาเผยว่า ทำแบบนี้มา 3 ครั้งแล้ว กลายเป็นข่าวที่ประชาชนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก

ต่อมาวันที่ 18 พ.ย. 64 นายฉัตรพงษ์ จอมกาณ์นนท์ เจ้าภาพงานกฐินที่ถูกกล่าวหา ได้ออกมาระบุว่า เงินกฐินในวันนั้น ได้ยอดรวมทั้งหมด 231,702 บาท ส่วนหนึ่งแบ่งให้เจ้าอาวาสไว้ 100,000 บาท ส่วนที่เหลือเอาเก็บไว้กับแม่บ้านวัดเพื่อเตรียมเอาไว้สร้างพระนอนไม่ได้เอากลับบ้านแต่อย่างใด พร้อมระบุ สาเหตุที่ชาวบ้านไม่พอใจ น่าจะเกิดจากตนเข้าไปจัดการบริหารการก่อสร้างบูรณะหลายอย่างภายในวัดด้วยตนเอง ทำให้ผู้ที่เคยรับจ้างเดิมขาดผลประโยชน์

วันนี้ (19 พ.ย. 64) นายสนิ้ง เรืองรัมย์ อายุ 59 ปี ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 13 ต.หลักเขต อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ และคณะกรรมการวัดหนองไผ่ ที่เกิดปัญหากฐินอลเวง เจ้าภาพหอบเงินกลับบ้าน ได้ออกมาระบุว่า หลังจากตกเป็นข่าวไปแล้ว ส่วนตัวรู้สึกเห็นใจนายฉัตรพงษ์ และคณะเจ้าภาพกฐิน ที่มาทอดในวันที่ 14 พ.ย. ที่ผ่านมา แล้วตกเป็นผู้ต้องหาของสังคม หลังจากถูกตั้งข้อสงสัยว่าเป็นคน “หอบเงินกฐินกลับบ้าน” และพยายามแก้ไขปัญหาด้วยการให้หลวงตาและแม่บ้านวัดมาแก้ข่าวให้แต่ไม่เนียน ทำให้โลกโซเชียล ออกมาตำหนิซ้ำเติมอีก

9sLuZ6PY 1637309467627 768x403 1

อีกส่วนหนึ่งทั้งตนเองและชาวบ้านยังสงสัยไม่หาย กรณีผ้าป่า 2 ปี ก่อนที่จะมาเป็นกฐินในปีนี้ โดยเจ้าภาพคนนี้ ปีแรกได้เงิน 100,000 บาท มอบให้หลวงตา 20,000 บาท ปีที่ 2 ได้เงิน 150,000 บาท เอาให้หลวงตา 25,000 บาท ยอมรับว่าเจ้าภาพมีความตั้งใจที่จะมาสร้างความเจริญให้วัด แต่ชาวบ้านไม่มีใครรู้เลยว่า ยอดเงินผ้าป่าได้เท่าไหร่ งบประมาณการก่อสร้างเท่าไหร่ ค่าแรง ค่าวัสดุ เท่าไหร่ไม่มีใครเห็นบัญชี พอมาถึงงานกฐินปีนี้ ทำให้มีคลื่นใต้น้ำทำให้เกิดเรื่องขึ้นตามข่าว

ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 13 กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมา เจ้าภาพคนนี้ จะพยายามสร้างความหน้าเกรงขาม เพื่อให้รู้ว่าเขาเป็นคนจัดการบริหารเองทั้งหมด โดยเฉพาะการถือไมค์ขึ้นประกาศว่า “วัดทุกวัด ไม่จำเป็นต้องรู้ยอดกฐิน แม้แต่พระก็ไม่ควรจะรู้เพราะไม่ใช่กิจของสงฆ์” เหมือนเป็นการออกตัวว่าจะไม่นับยอดเงินกฐิน

ขณะที่นายอำนาจพิทักษ์ พักรัมย์ อายุ 44 ปี ลูกศิษย์วัด บอกว่า ตนเป็นคนชอบทำบุญ และเห็นการทำบุญกฐินมาตั้งแต่เด็กๆ เพิ่งเคยเห็นครั้งแรกในชีวิตกับการทอดกฐินแบบนี้ ที่ทำลักษณะเหมือนการปล้นเงินกฐิน จริงแล้วเงินกฐิน จะต้องตกเป็นของวัด ส่วนวัดจะเอาไปทำอะไรเป็นเรื่องของวัด หรือจะเอาไปสร้างตามเจตนาขององค์กฐินนั้นๆ

cSOC4JXQ 1637309453938 768x396 1

DP5p87kz 1637309446048 768x392 1

ขณะที่เมื่อวานนี้ (18 พ.ย. 64) หลังจากเกิดเรื่องเจ้าหน้าที่สำนักพุทธศาสนาจังหวัดบุรีรัมย์ ได้เดินทางไปตรวจสอบหาข้อเท็จจริงที่วัดหนองไผ่ พร้อมกับเรียกคณะกรรมการหมู่บ้าน และนายฉัตรพงษ์ เจ้าภาพกฐิน นำเงินจากเจ้าอาวาสจำนวน 100,000 บาท และเอาเงินจากแม่ครัวที่เจ้าภาพมาฝากไว้ก่อนหน้านี้อีก 131,702 บาท มานับร่วมกันที่บนศาลาวัด แต่ปรากฏว่าเงินขาดไป 2,500 บาท นายฉัตรพงษ์ เจ้าภาพ ได้ควักเงินสดมาเติมให้เต็มจำนวน โดยให้เจ้าหน้าที่สำนักพุทธศาสนาฯ เป็นประธานถวายเงินกฐินให้กับเจ้าอาวาสย้อนหลังแทน

โดยระหว่างที่บนศาลามีพิธีถวายเงินกฐินอยู่นั้น ด้านล่างศาลาวัดได้มีการโต้เถียงกันระหว่าง นายอำนาจพิทักษ์ พักรัมย์ อายุ 44 ปี ลูกศิษย์วัด กับหญิงนุ่งขาวห่มขาวคณะเจ้าภาพ จนถึงกับกระโดดถีบนายอำนาจพิทักษ์ที่เป็นลูกศิษย์วัด พร้อมกับกล่าวว่า “รู้ได้ไงว่าฉันเอาเงินกลับบ้าน” เคยเห็นถุงเงินไหม ตนเป็นคนทำบุญ ถ้าไม่หาคนมาทอดกฐิน จะได้เงินถึง 2-3 แสนไหม โดยหลังจากถวายกฐินเรียบร้อยแล้วทุกคนต่างแยกย้ายกันไป

ขณะที่ นายฉัตรพงษ์ เจ้าภาพกฐิน ยังยืนยันความบริสุทธิ์ใจว่า ไม่เคยเอาเงินออกไปจากวัด ตั้งใจทำบุญ อยากสร้างความเจริญให้วัด แต่มาติดปัญหากับคณะกรรมการวัดบางคนเท่านั้น และขอยุติเรื่องทั้งหมด

ด้าน น.ส.บุญธรรม ยาประโคน อายุ 72 ปี แม่ครัววัด เปิดเผยว่า ตนอยู่วัดนี้มานาน กฐินจะได้เงินเท่าไร ตนไม่ทราบ ตนเข้ามารับรู้ตอนที่มีเจ้าภาพเอาเงินกฐินที่เหลือมาคืนให้หลวงพ่อตอนเวลาประมาณ 08.00 น. ของวันที่ 17 พ.ย. แต่หลวงตาไม่รับ เจ้าภาพจึงฝากกับตนเองไว้ จึงแจ้งให้คณะกรรมการหมู่บ้านมารับไป แต่ยังไม่จบ หลังเรื่องนี้ออกเป็นข่าว เมื่อกลางดึกเวลาประมาณ 22.00 น. ของวันที่ 17 พ.ย. คณะเจ้าภาพกฐินได้เดินทางมาที่วัดแล้วเรียกตนให้ไปปลุกหลวงตา จากนั้นกลุ่มเจ้าภาพได้พูดหว่านล้อมให้หลวงตาแก้ข่าวให้ และให้หลวงตาสารภาพว่าจำไม่ได้ และให้ครับตลอด ส่วนตัวสงสารหลวงตาที่ต้องฝืนพูดเพื่อให้เจ้าภาพถ่ายคลิปไว้เป็นหลักฐานของเขา รวมถึงตัวเองต้องพูดตามที่เขาบอกว่าเงินส่วนต่างได้อยู่กับตนตั้งแต่หลังเสร็จงานกฐิน ทั้งที่ไม่เป็นความจริง.