จับกุมตัวหนุ่มแสบใช้ไลน์ อ้างชื่อเลขาธิการราชวัง หลอกโอนเงิน เสียหาย 1.4 ล้านบาท!

รวบหนุ่มอ้างเลขาธิการพระราชวัง หลอกโอนเงิน กว่า 1.4 ล้าน

วันที่30 ก.ย. 2564 พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สั่งการให้พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ ผบก.ประจำ บช.ก. พร้อมด้วย พ.ต.ท.สุทธิชัย เทียนโพธิ์ รอง ผกก.8 บก.รน. ร่วมกับเจ้าหน้าที่บก.ปอศ. ตำรวจภาคจว. เพชรบุรี และชุดสืบสวนสภ.ชะอำ ร่วมกันจับกุมตัวนายสิทธิภัททิก์ ขวัญบัว อายุ 40 ปี ที่อยู่ 24 ซอยพุทธบูชา33/2 แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดเพชรบุรี 239/2564 ลงวันที่ 27 กันยายน 2564 ในความผิดฐาน “ฉ้อโกงทรัพย์,นำข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่ประชาชนทั่วไปไม่สามารถเข้าถึงได้ โดยจับกุมได้บริเวณ อพาร์ทเม้นแห่งหนึ่ง ซอยพระรามที่2 ซอย33 แขวงบางมค เขตจอมทอง กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่29 ก.ย. ที่ผ่านมา

จากการสืบสวนทราบว่า พฤติกรรมของคนร้ายรายนี้ มักจะนำชื่อไปแอบอ้างกับเจ้าของกิจการ หรือร้านค้าที่มีฐานะในพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี ว่ามีคนที่รู้จักจะนำเงินจากต่างประเทศเข้ามาในประเทศไทย ไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท แต่ไม่อยากเสียภาษี และไม่อยากให้ถูกตรวจสอบ โดยพร้อมที่จะจ่ายค่าดำเนินการให้ หากนำเงินจำนวนดังกล่าวเข้ามาได้

โดยการหลอกลวงนั้น ผู้ต้องหาจะแอบอ้างว่า รู้จักกับ “ราชเลขาสำนักพระราชวัง” “เลขาพระราชวัง” ซึ่งเป็นคนจังหวัดเพชรบุรีเหมือนกัน เพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือ จากนั้นก็จะพูดจาหว่านล้อมขอให้ช่วยในการนำเงินดังกล่าวเข้ามา ขณะเดียวกันผู้ต้องหา ยังได้นำรูป “ราชเลขาสำนักพระราชวัง” “เลขาพระราชวัง” ที่หาได้จากอินเตอร์เน็ต มาสร้างเป็นโปรไฟล์ในแอพพลิเคชั่นไลน์ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ เพื่อให้หลอกลวงและใช้ในการสนทนากับเหยื่อ เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อร่วมลงทุนในการดำเนินการนำเงินจากต่างประเทศเข้าไทย ซึ่งไม่มีอยู่จริง โดยได้โอนเงินเข้าบัญชีของผู้ต้องหา ในระยะห้วงเวลา 19 มิ.ย.- 6 ส.ค.64 ซึ่งมีรายการโอนทั้งหมด 20 ครั้ง รวมเป็นเงินกว่า 1,439,500 บาท และหลังจากผู้ต้องหาได้เงินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงได้หลบหนีไป

S 4817249

นอกจากนี้ ยังพบด้วยว่า ผู้ต้องหาที่แอบอ้างชื่อ “เลขาพระราชวัง” ยังได้มีการตกแต่งสลิปการโอนเงิน โดยผู้ต้องหาจะมีการโอนเงิน จำนวน 100 บาท เข้ามายังบัญชีของตัวเอง จากนั้นนั้นก็จะนำมาตกแต่งตัวเลข ให้เป็นหนึ่งล้านบาท เพื่อใช้บัญชีดังกล่าวดูน่าเชื่อถือ เพื่อใช้ในการหลอกเหยื่อให้เกิดความหลงเชื่ออีกด้วย
จากการตรวจสอบพฤติกรรม และเส้นทางการเงินพบว่าในแต่ละเดือนจะมีเงินหมุนเวียนเข้าบัญชีของผู้ต้องหาไม่ต่ำกว่า 3-4 ล้านบาท ตำรวจจึงเชื่อว่าผู้ต้องหารายนี้น่าจะก่อเหตุในลักษณะนี้มาแล้วหลายครั้ง นอกจากนี้ตรวจสอบประวัติผู้ต้องหาพบว่า วันที่28 มี.ค. 2561 เคย ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.รายฎร์บูรณะ จับกุมและดำเนินคดีในความผิดฐาน “ลักทรัพย์” และยังเป็นผู้ต้องหา ตามหมายจับศาลจังหวัดสีคิ้ว(ปากช่อง) ที่จ.55/2564 ลงวันที่ 15 กันยายน 2564 ในข้อหา “ร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการและร่วมกันใช้หรืออ้างเอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการปลอมในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน และร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์ผู้อื่น” ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวนายสิทธิ ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ชะอำ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป