วันนี้ นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน แถลงผลประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. แถลงผลประชุมศบค.ชุดใหญว่า ที่ประชุมมีมติดังนี้ ขยายเวลา พ.ร.ก.ฉุกเฉินจากวันที่ 1 ตุลาคม ถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน และปรับลดเวลาเคอร์ฟิว เป็น 22 นาฬิกา ถึง 4นาฬิกา โดยจะประเมินอีกครั้ง หลังผ่านไปแล้ว 15วัน , ศูนย์การค้าเปิดได้ 21 นาฬิกา ,ร้านสะดวกซื้อ ตลาดนัด เปิดได้ถึง 21 นาฬิกา ,ประเภทกีฬากลางแจ้ง เปิดได้ทุกประเภท ถึงเวลา 21 นาฬิกา และจัดการแข่งขันได้ โดยมีผู้ชมไม่เกิน 25% ของความจุสนาม และผู้ชมต้องได้รับวัคซีนครบตามเกณธ์ หรือมีผลตรวจ ATKเป็นลบ ส่วนกีฬาในร่วม จัดแข่งขันโดยไม่มีผู้ชม
ที่ประชุม ศบค.ยังมีมติให้เปิดกิจการเพิ่มเติมได้แก่ 1.เปิดศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก และเด็นก่อนวัยเรียน แต่ต้องผ่านการพิจารณาจากคระกรรมการโรคติดต่อจังหวัด
2.ห้องสมุด 3.พิพิธภัณ์สถานและโบราณสถาน 4.ศูนย์การเรียนรู้ หรือหอศิลป์ให้เปิดได้ ซึ่งกิจการตั้งแต่ข้อ 2 ถึง ข้อ 4 ต้องจำกัดจำนวนคน สวมหน้ากากตลอดเวลา และห้ามรับประทานอาหาร
5.ร้านทำเล็บ 6.ร้านสัก 7.ร้านนวด สปา ซึ่งทั้ง 3 กิจการต้องแจ้งนัดหมายผู้มาใช้บริการล่วงหน้า และในส่วนของร้านสัก และร้านนวด สปา ลูกค้าต้องฉีดวัคซีนครบตามเกณฑ์ หรือมีผลตรวจATK ผลเป็นลบ ภายใน 72 ชั่วโมง
8.โรงภาพยนต์ เปิดได้ถึง 21 นาฬิกา ให้เข้าชมได้ 50 % 9.เล่นดนตรีในร้านอาหาร จำกัดจำนวนนักดนตรีไม่เกิน 5 คน สวมหน้ากากอนามัย นักร้องถอดเฉพาะเวลาร้องเพลง ซึ่งร้านอาหารเปิดได้ถึง 21 นาฬิกา แต่ยังห้ามจำหน่ายและบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้าน
ส่วนศูนย์แสดงสินค้า ศูนย์ประชุม หรือสถานที่จัดนิทรรศการ ยังไม่ให้เปิดดำเนินการ สำหรับสถานะของสีแต่ละจังหวัดยังคงเดิม โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 เป็นต้นไป