ปลัด ศธ.เผยฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้เด็กอายุ 12-17 ปี เริ่ม 4 ต.ค.นี้ ย้ำไม่มีการบังคับ

ปลัด ศธ.เผยฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้เด็กอายุ 12-17 ปี เริ่ม 4 ต.ค.นี้ ย้ำไม่มีการบังคับ

วันนี้ (16 ก.ย. 63) เวลา 12.30 น. ที่กระทรวงศึกษาธิการ นายสุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวถึงการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้แก่นักเรียน เด็กและเยาวชนในกลุ่มอายุ 12-17 ปี ทั่วประเทศ ตามที่คณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) อนุญาตให้วัคซีนไฟเซอร์ฉีดกับเยาวชนอายุ 12-17 ปี 11 เดือน 29 วัน หรือ 18 ปีบริบรูณ์ได้โดยจะครอบคลุมนักเรียนในระดับชั้น ม.1-6 ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) หรือเทียบเท่า รวมถึง ชั้น ป.6 ที่มีอายุ 12 ปี ตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นไป ซึ่งจะเริ่มฉีดให้แก่นักเรียนนักศึกษา ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) จำนวน 29 จังหวัดก่อนจะขยายไปสู่นักเรียนนักศึกษาทุกคน ทุกสังกัด จำนวนกว่า 4.5 ล้านคน และการฉีดวัคซีนให้แก่เด็กครั้งนี้ จะเป็นไปตามความยินยอมของนักเรียน และผู้ปกครอง ไม่เป็นการบังคับ

นอกจากนี้ ปลัด ศธ.ยังกล่าวด้วยว่า กรมควบคุมโรค จะทำหน้าที่จัดส่งวัคซีน และอุปกรณ์การฉีด ส่วน ศธ.จะกำกับติดตามการดำเนินงานให้วัคซีนนักเรียน ตามนโยบายของประเทศ พร้อมกับรวบรวมข้อมูลนักเรียนจากแต่ละสถานศึกษา และแจ้งแก่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ด้านสถานศึกษา มีหน้าที่ชี้แจงผู้ปกครองเพื่อสร้างความเข้าใจก่อนวันรับวัคซีน และจัดส่งคำแนะนำการฉีดวัคซีนและใบยินยอมให้นักเรียนฉีดวัคซีน แจ้งจำนวนนักเรียนที่จะเข้ารับวัคซีนแก่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ผ่านระบบที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกำหนดไว้ และสถานพยาบาล มีหน้าที่จัดระบบให้บริการตามมาตรฐานต่อไป

โดยในวันที่ 25 กันยายน ทางโรงเรียน หรือสถานศึกษาจะนำส่งบัญชีรายชื่อนักเรียนที่ประสงค์รับวัคซีนไฟเซอร์แก่ผู้อำนวยการ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) หรือ สำนักงานอาชีวศึกษาจังหวัด (อศจ.) แล้วนำส่งศึกษาธิการจังหวัด (ศธจ.) ส่วนวันที่ 26 กันยายน ผอ.จะต้องประชุมสรุปจำนวน และรายชื่อนักเรียนเพื่อนำส่งสาธารณสุขจังหวัด และวันที่ 28-30 กันยายน สาธารณสุขจังหวัด วางแผนการรับวัคซีน และกำหนดการฉีดวัคซีนรายโรงเรียน และวันที่ 4 ตุลาคม เริ่มการฉีดวัคซีนแก่นักเรียน

ทีมข่าว Top News ได้ไปสอบถามความคิดเห็นบรรดาผู้ปกครอง ถ้าหากจะมีการเปิดเรียนตามปกติในเร็วๆ นี้ โดยนางชรันฎา บราทเวท (อ่านว่า บล๊าด-เวด) อายุ 42 ปี พักอาศัยย่านพัฒนาการ 25 กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยที่ทางกระทรวงศึกษาธิการจะมีการเปิดภาคการศึกษา เนื่องจากการระบาดของโควิด 19 ยังคงระบาดอยู่ จึงค่อนข้างที่จะอันตรายกับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 12 ปี เนื่องจากวัคซีนก็ยังไม่ได้รับการฉีด หากเป็นไปได้ควรมีการยกเว้นปีการศึกษานี้ให้ผ่านไปก่อน เพื่อเตรียมความพร้อมในเรื่องของวัคซีนแล้วค่อยกลับมาเปิดเรียนตามปกติ

ด้านนายอำพร แสนสงคราม อายุ 42 ปี พักอาศัยย่านลาดปลาเค้า บอกว่าเป็นห่วงเด็กมาก เพราะภูมิต้านทานของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ดังนั้นไม่เห็นด้วยที่จะให้มีการเปิดภาคเรียน เพราะผู้ปกครองแต่ละคนประกอบอาชีพไม่เหมือนกัน ทุกคนก็ต้องออกไปทำมาหากินซึ่งถือเป็นความเสี่ยงอยู่แล้ว และการที่เด็กเดินทางไปโรงเรียน การเดินทางของเด็กย่อมเกิดความเสี่ยงอย่างแน่นอน ส่วนมาตรการที่ทางโรงเรียนมีนั้น ตนเองมองว่ายังมีความหละหลวมอยู่ จากที่เคยมีการพาเด็กไปอบรม พบว่ามีมาตรการเพียงแค่จุดคัดกรองที่มีการตรวจเพียงวัดอุณหภูมิและเจลแอลกอฮอล์เท่านั้นไม่มีอะไรที่รัดกุมมากกว่านี้