วันนี้ นายแพทย์มนูญ ลีเชวงวงศ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุข้อความว่า “การปูพรมฉีดวัคซีนให้ประชาชนภูเก็ตเข็มที่ 1 มากถึงร้อยละ 92 และครบโดสเข็มที่ 2 ร้อยละ 79 ยืนยันแล้วว่าการฉีดวัคซีนครบโดสให้ประชาชนมากกว่าร้อยละ 70 ไม่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ หยุดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้าในจังหวัดภูเก็ตได้ โดยวันที่ 5 กันยายน 2564 มีการติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาในคนจังหวัดภูเก็ตทุกวัน วันละกว่า 250 คน มีการแพร่ระบาดไปทั่วทุกพื้นที่ แต่คนที่ได้รับวัคซีนครบ 2 โดส มีอาการน้อย ไม่หนักเหมือนคนที่ไม่เคยได้รับวัคซีน ยอดผู้ติดเชื้อยืนยันสะสมตั้งแต่ 1 เมษายน ปีนี้ 5,495 คน ตัวเลขจริงคงมากกว่านี้
ทั้งนี้ภูเก็ตกำลังวางแผนที่จะฉีดเข็ม 3 ให้กับประชาชนทุกคนที่ได้วัคซีนซิโนแวคครบ 2 โดสแล้ว เหมือนกับบุคลากรทางการแพทย์ที่ได้รับวัคซีนเข็ม 3 เป็นแอสตราเซนเนกา หรือไฟเซอร์ ซึ่งมีรายงานในหลายประเทศเช่นอิสราเอล สหรัฐอเมริกา สิงคโปร์ คนที่ได้รับวัคซีน mRNA ของบริษัทไฟเซอร์ หรือโมเดอร์นา ครบ 2 โดส ก็ยังติดเชื้อและแพร่เชื้อให้ผู้อื่นได้ ประเทศอิสราเอลและสหรัฐอเมริกากำลังพิจารณาฉีดวัคซีนเข็ม 3 ให้ประชาชน วัคซีนทุกชนิดที่ฉีดเข้ากล้ามเนื้อที่แขนแม้จะให้ครบโดส ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ เพราะวัคซีนชนิดฉีด สร้างภูมิคุ้มกันที่เยื่อเมือกจมูก ทางเดินหายใจส่วนบนและส่วนล่างได้ไม่ดี เยื่อบุทางเดินหายใจเป็นช่องทางหลักของเชื้อไวรัสเข้าสู่ร่างกาย วัคซีนไข้หวัดใหญ่ในต่างประเทศมีชนิดสูดเข้าทางจมูก ประเทศจีนได้ผลิตวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ยี่ห้อ Cansino ชนิดสูดหายใจเข้าปอด อาจช่วยให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันที่เยื่อเมือกทางเดินหายใจได้ดีขึ้น และช่วยป้องกันการติดเชื้อไวรัส
นายแพทย์มนูญ ระบุอีกว่า คนที่ยังไม่ได้รับวัคซีนเข็มแรกขอให้รีบไปฉีดด่วน เพื่อลดความรุนแรงของโรคเมื่อติดเชื้อ และขณะนี้คงต้องรอให้เกือบทุกคนที่ไม่ได้ฉีด และฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ตามธรรมชาติ โดยเข้าทางเยื่อบุทางเดินหายใจ จึงจะมีภูมิคุ้มกันครบหมดทุกที่ เพราะเยื่อเมือกทางเดินหายใจ แอนติบอดีในน้ำเหลือง ระบบเซลล์ในเลือด ไม่สามารถติดเชื้อซ้ำ และไม่แพร่เชื้อให้ผู้อื่น รวมถึงเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ โรคโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาที่กำลังระบาดขณะนี้ ถึงจะยุติลงในที่สุด