ตำรวจสายสืบสมุทรปราการ ใช้เวลา 2 วันตาม รวบมือฆ่าหมกสาวเปลือยกายวัย 27 คาอพาร์ตเมนต์ หลังแกะรอยจากกล้องวงจรปิด ดีเอ็นเอจากถุงยาง ด้านผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 สาธยายปหระวัติสุดแสบ ก่อเหตุข่มขืนมาแล้ว 3 ราย เพิ่งพ้นโทษมาไม่นาน แต่ไม่สำนึกมาก่อเหตุซ้ำ ด้านผู้ต้องสารภาพโกรธที่ผู้เสียชีวิตดูถูก “ความเป็นชาย”
จากคดีที่ ตำรวจ สภ.เมืองสมุทรปราการ รับแจ้งเหตุหญิงเสียชีวิตเปลือยกายอยู่ภายในห้องเช่าของอพาร์ตเมนต์ แห่งหนึ่ง ในพื้นที่ หมู่ 5 ถนนศรีนครินทร์ ต.บางเมือง อ.เมือง จ.สมุทรปราการ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 1 ก.ย. 64 ที่ผ่านมา โดยในห้อง 227 พบ น.ส.จิราพร พันวงษา อายุ 27 ปี นอนเสียชีวิตในลักษณะเปลือยกายอยู่บนเตียงนอน มีเลือดไหลออกทางปาก และจมูก ตรวจสอบร่างกายมีรอยเขียวช้ำที่ลำคอ ข้างเตียงมีถุงยางอนามัยใช้แล้วตกเกลื่อนห้องและถังขยะรวม 12 ชิ้น กล้องวงจรปิดพบผู้เสียชีวิต เมื่อช่วงตีหนึ่งเดินลงมารับชายต้องสงสัย บริเวณด้านล่างก่อนจะพาขึ้นไปบนห้อง จนพักใหญ่พบชายต้องสงสัยรายนี้เดินออกมาจากห้องและขี่รถจักรยานยนต์ออกไป พร้อมกับโทรศัพท์มือถือยี่ห้อไอโฟน 12 ของผู้ตายได้หายไป
และเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 5 กันยายนที่ผ่านมา ตำรวจ สภ.เมืองสมุทรปราการ สามารถจับกุมตัว นายเอกพจน์ ครองยุติ อายุ 33 ปี ในข้อหาฆ่าผู้อื่น ก่อนนำตัวมาแถลงข่าวในวันนี้
พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 1 ระบุว่า คดีนี้ทางตำรวจ สภ.เมืองสมุทรปราการใช้เวลาในการสืบสวนกระทั่งจับกุมตัวผู้ต้องหาในเวลา 2 วัน โดยสามารถจับกุมตัวได้ช่วงบ่ายสามโมงเมื่อวานนี้( 5 ก.ย.) จากการสอบสวนผู้ต้องหาทำให้ทราบว่าเคยก่อคดีข่มขืนครั้งแรกเมื่อปี 2559 เหตุเกิดพื้นที่บางขุนเทียน และเดือนเมษายน 2564 เพิ่งพ้นโทษออกมาจากเรือนจำก็มาก่อเหตุฆ่า น.ส.จิราพร ในช่วงวันที่ 31 สิงหาคมต่อวันที่ 1 กันยายน ยังไปก่อเหตุซ้ำในพื้นที่บางนา ในวันที่ 1 ต่อวันที่ 2 กันยายน โดยรายล่าสุดนี้ผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความกับตำรวจ สน.บางนาแล้ว
ด้าน พล.ต.ต.ชุมพล พุ่มพวง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ ระบุว่า ผู้ต้องหามีพฤติกรรมเสพยาเสพติด และชอบใช้ความรุนแรงตั้งแต่คดีที่ถูกจับกุมเมื่อปี 2559 ในพื้นที่บางขุนเทียน ครั้งนี้ถือว่าโชคดีมากที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้อย่างรวดเร็วเพราะจากการสอบสวนผู้ต้องหารายนี้มีแนวโน้มที่จะก่อเหตุลักษณะนี้ขึ้นอีก สิ่งที่อยากจะฝากเตือนไปยังหญิงสาว ซึ่งใช้โซเซียลมีเดียในการติดต่อสื่อสารควรระมัดระวังอย่าไว้ใจคนแปลกหน้า เพราะทุกคดีที่ผู้ต้องสารภาพว่า เหยื่อทุกรายจะรู้จักกันผ่านโซเซียลมีเดีย โดยใช้รูปภาพของผู้อื่น มาล่อลวง ก่อนจะพูดคุยกันเพื่อสร้างความสนิทสนมและนัดพบกันภายหลัง
