กระทรวงศึกษาธิการ รอข้อมูลที่ชัดเจนเพื่อเตรียมการฉีดวัคซีนให้นักเรียน อายุ 12 – 18 ปี ระบุ ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของเด็กเป็นที่ตั้ง และต้องขึ้นอยู่กับความสมัครใจของผู้ปกครองเป็นหลัก
นางเกศทิพย์ ศุภวานิช โฆษกกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า ความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนให้กับนักเรียนที่มีอายุ 12-18 ปีนั้น นายสุภัทร จำปาทอง ปลัด ศธ.ได้หารือร่วมกับราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย กรมควบคุมโรค และกรมอนามัย เรื่องการจัดสรรวัคซีน และวางแผนการจัดการเรียนการสอนรูปแบบ Onsite ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 ซึ่งทางแพทย์ให้ข้อมูลว่าการฉีดวัคซีน ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของเด็กเป็นที่ตั้ง โดยกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ขอให้รอข้อมูลที่ตกผลึกก่อนว่า จะมีวัคซีนเพิ่มเติมที่สามารถฉีดให้กับเด็กได้อย่างปลอดภัยหรือไม่ นอกจากนี้ กรมอนามัยจะวางแนวทางฉีดวัคซีนให้เด็ก เช่น ให้โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) เป็นผู้ฉีด หรือจะเป็นการเคลื่อนย้ายฉีดวัคซีนตามจุดที่มีเด็กอาศัยอยู่ เป็นต้น โดยการฉีดวัคซีนให้กับเด็กทุกคนนั้น ต้องขึ้นอยู่กับความสมัครใจ ของผู้ปกครองด้วย ในส่วนของ ศธ.จะทยอยประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ และให้ความคืบหน้าว่าจะมีวัคซีนมาเมื่อไหร่ ผู้ปกครองนักเรียนจะต้องเตรียมพร้อมอย่างไร ทั้งนี้ ศธ.จะต้องรอข้อมูลที่ชัดเจนจากกระทรวงสาธารณสุขอีกครั้งว่ามีแผนกระจายวัคซีนอย่างไรบ้าง เมื่อได้มาแล้วจะวางแผนต่อไปว่าจะ เตรียมคนอย่างไร และวางแผนฉีดวัคซีนร่วมกับ สธ.อย่างไรให้เด็กได้รับการฉีดวัคซีนที่รวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม ถ้าวัคซีนมาตามแผน ภาคเรียนที่ 2 จะเปิดเรียน Onsite ได้หรือไม่นั้น นางเกศทิพย์ ระบุว่า ถ้าทุกหน่วยงานบริการจัดการที่เตรียมพร้อมทุกด้าน และหากประชาชนมีความเชื่อมั่น ก็จะสามารถดำเนินการเปิดเรียนในรูปแบบ Onsite ได้ ซึ่งทางกระทรวงศึกษษธิการ เตรียมแผนรองรับเช่นกัน หากไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ ศธ.ร่วมกับกรมอนามัย จัดแนวปฏิบัติ Sandbox safety in school ให้เด็กนักเรียนได้เรียนในโรงเรียนด้วยความปลอดภัย โดยจะจำกัดบุคคลเข้า-ออกโรงเรียนอย่างชัดเจน และจะมีการคัดกรองตรวจหาเชื้อโควิด-19 โดยใช้วิธี Rapid Antigen Test เน้นการทำกิจกรรมในรูปแบบ Bubble and Seal มีระบบติดตามเข้มงวดของครูและบุคลากร พร้อมเฝ้าระวังสุ่มตรวจทุก 14 วัน หรือ 1 เดือนต่อภาคการศึกษา และประเมินความเสี่ยงผ่าน Thai save Thai สม่ำเสมอ