“ออมสิน” เยียวยา 2.2 ล้าน หลังรื้อถอนบ้านผิดหลัง ยอมรับผิดพลาดจริง สั่งพักงานผู้รับเหมาเป็นเวลา 6 เดือน
จากกรณีที่มีผู้เสียหายเข้าร้องเรียนกับนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม หลังถูกเจ้าหน้าที่ของธนาคารออมสินยึดบ้านผิดหลัง มีการบุกเข้ารื้อทรัพย์สินภายในบ้านออกไปทั้งหมด รวมถึงมีการตัดต้นไม้ รื้อกันสาด พร้อมติดป้ายประกาศว่าทรัพย์สินของธนาคารห้ามบุกรุก หลังจากนั้น ต่อมาธนาคารออมสินได้ออกมาชี้แจงว่า เป็นความผิดพลาดของผู้รับเหมาเข้าปรับปรุงบ้านผิดหลัง เนื่องจากบ้านหลังที่เข้าปรับปรุงและบ้านที่ธนาคารเข้าซื้อทั้งสองหลังมีลักษณะคล้ายกัน และไม่มีป้ายเลขที่บ้าน พร้อมยืนยันว่า สิ่งของภายในบ้านที่เจ้าหน้าที่รื้อออกมา ธนาคารได้นำไปเก็บรักษาไว้ พร้อมส่งมอบของคืนและพร้อมรับผิดชอบค่าเสียหายอย่างเต็มที่ ซึ่งเบื้องต้นผู้เสียหายได้ประเมินมูลค่าความเสียหายสิ่งของ จำนวน 2.2 ล้านบาท นั้น
ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ (4 ต.ค. 65) ที่นายรณรงค์ แก้วเพชร ได้พา นายสมเกียรติ อายุ 53 ปี และ นางกาญจนา อายุ 45 ปี ผู้เสียหาย มาหารือกับตัวแทนของธนาคารออมสิน เพื่อพิจารณาข้อเรียกร้อง และประเมินมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง
นายวุฒิพงษ์ ภิรมยาภรณ์ รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยภายหลังการพูดคุยกับผู้เสียหายว่า ธนาคารยินดีรับผิดชอบค่าเสียหายทั้งหมดตามที่ผู้เสียหายเรียกร้อง ตามราคาทรัพย์สิน จำนวน 2.2 ล้านบาท โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดจากความผิดพลาดของผู้รับเหมาที่ธนาคารจ้างมา ซึ่งเป็นผู้รับเหมาภายนอก ซึ่ง ธนาคารเข้าซื้อบ้านเลขที่ 99/44 จากกรมบังคับคดี และวันเกิดเหตุคือวันที่ธนาคารให้ช่างผู้รับเหมาเข้าไปปรับปรุงบ้าน เพื่อจะขายต่อ โดยช่างได้ลงพื้นบ้านตามภาพที่ธนาคารส่งให้ ซึ่งตามกระบวนการแล้วจะต้องมีเจ้าหน้าที่ธนาคารลงพื้นที่ไปยืนยันบ้าน พร้อมกับผู้รับเหมาด้วย แต่กรณีนี้ไม่มีเจ้าหน้าที่ธนาคารลงพื้นที่ไปด้วย โดยให้เหตุผลว่า เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ด้วยเหตุที่จึงทำให้ผู้รับเหมาเข้าปรับปรุงบ้านผิดหลัง เนื่องจากบ้านทั้งสองหลังมีความคล้ายกัน และผู้รับเหมาแจ้งว่า ไม่มีบ้านเลขที่ อีกทั้งขณะที่ผู้รับเหมานำป้ายที่มีข้อความห้ามบุกรุก เป็นทรัพย์สินของธนาคาร ไปติดไว้ และได้เข้าปรับปรุงบ้าน ตลอดระยะเวลา 4-5 วัน ไม่พบเจ้าของบ้านหรือ ใครมาทักท้วงแต่อย่างใด
ขณะเดียวกันทางธนาคารได้ลงโทษ โดยสั่งพักงานผู้รับเหมาเป็นเวลา 6 เดือน เพื่อให้ไปทบทวนการทำงาน และสิ่งที่เกิดขึ้น โดยหลังจากนี้จะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริง ยืนยันว่า ไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน ครั้งนี้เป็นครั้งแรก โดยธนาคารถือเป็นบทเรียนและจะเพิ่มความรอบคอบมากขึ้น พร้อมให้คำมั่นว่า จะไม่ให้มีเหตุการณ์ลักษณะแบบนี้เกิดขึ้นอีก
ด้าน 2 ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า การเจรจาวันนี้เป็นที่พอใจ หากทางธนาคารได้รับผิดชอบตามที่พูด และชี้แจงเหตุผลในความผิดพลาด ตนเองก็ยินดีจบคดี และไม่มีการฟ้องร้องแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม สำหรับขั้นตอนในการจ่ายเงินเยียวยา ทนายรณรงค์บอกว่า ธนาคารจะทำเรื่องไปยังผู้บริหาร จากนั้นในวันศุกร์นี้ จะนำเงินมามอบให้ผู้เสียหายต่อไป